ARTICLE

บทความ

เคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิก มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร?

ข้อดีของเคลือบแก้วคืออะไรบ้าง?

  1. เคลือบครั้งเดียวอยู่ได้ยาวๆ 3-10 ปี
  2. ให้ความเงางามแบบขีดสุด เหมือนมีแก้วใสๆมาคลุมรถไว้รอบคัน
  3. สารเคลือบมีความแข็งกว่าแล็กเกอร์รถ ทำให้รถเกิดรอยขีดข่วนยากขึ้น แต่ไม่ใช่ป้องกัน 100%
  4. ทำให้ง่ายต่อการดูแลรักษา เพราะฝุ่นละอองและคราบต่างๆ จับตัวและฝั่งกัสีรถได้ยากขึ้น เพียงใช้น้ำแรงๆ ฉีด คราบสกปรกก็หลุดออกเกือบหมด และล้างง่ายเพียงน้ำเปล่าที่บ้านก็เพียงพอ
  5. น้ำไม่เกาะสีรถไล่น้ำ ป้องกันน้ำเกาะได้อย่างดีเยี่ยม
  6. สามารถขับผ่านฝนตกได้ โดยที่รถคุณเหมือนไม่ได้เปียกฝนมาเลย เนื่องจากน้ำไม่เกาะบนตัวรถ
  7. ปกป้องแสง UV ได้ 99.99% ทำให้สีรถไม่ซีดหมอง และสีสดอยู่เหมือนรถใหม่ตลอดเวลา
  8. ช่วยลดการเกิดรอยขนแมว หรือรอยขีดข่วนเบาได้ดี
  9. ป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิต ลดการเกาะตัวของฝุ่นละออง
  10. รถที่เคลือบแก้วยังสามารถเคลือบ Wax ได้ตามปกติ
  11. ชั้นฟิล์มเมื่อหมดอายุ จะเสื่อมสลายเหมือน Wax ทั่วไป ไม่ด่าง ไม่ลอก ไม่ร่อน เพียงแต่ความเงาและการรีดน้ำจะหมดไป

ข้อเสียของการเคลือบเซรามิกคืออะไรบ้าง?

1.การเคลือบเซรามิก ไม่ได้ช่วยปกป้องสะเก็ดหิน

  1. การเคลือบเซรามิก ไม่ได้ป้องกันรอยขีดข่วนทั้งหมด ได้แค่เบาๆ หรือรอยขนแมวอ่อนๆ เท่านั้น บางคนคิดว่าเคลือบแก้วป้องกันได้ทุกสิ่งอย่าง เป็นความคิดที่ผิด
  2. งานเคลือบเซรามิกที่ดี จะมีราคาค่อนข้างสูง จึงทำให้ใครต่อใครเลือกที่จะไม่เคลือบหรือไปหาร้านถูกๆ หรือซื้อน้ำยามาเคลือบเอง ทำให้ได้ผลงานออกมาไม่ดี
  3. การเคลือบเซรามิก สีรถจะเงาขึ้นหรือไม่นั้น หลักๆ เลย ไม่ได้อยู่ที่น้ำยา แต่อยู่ที่การเตรียมผิวก่อนเคลือบเป็นหลัก หากแค่ล้างรถและเคลือบเลย ก็จะไม่ได้ความเงาขึ้นแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น แต่ละร้านต่อให้ใช้น้ำยาเดียวกัน ความเงาก็จะไม่เท่ากัน ควรเลือกร้านที่เน้นการเตรียมผิวที่ดีเป็นหลักมากกว่าการถามว่า คุณใช้น้ำยาอะไรในการเคลือบ
  4. หากซื้อน้ำยามาเคลือบเองตาม internet คุณจะได้น้ำยาแบบ DIY แปลง่ายๆ คือน้ำยาที่ใช้สำหรับทำได้ด้วยตัวเอง แต่จะมีการลดสเปกของตัวน้ำยาลงให้มีความเข้มข้น ความแข็ง รวมถึงคุณภาพที่ลดลง กว่าน้ำยาที่ใช้ตามร้านมืออาชีพ เนื่องจากให้ง่ายต่อการทำงานในโรงรถที่บ้าน แทนที่จะทำในร้านที่มีห้องแอร์คุมอุณภูมิได้

สรุป

ควรเลือกร้านเคลือบแก้วเคลือบเซรามิกที่ มีช่างมีความชำนาญสูง เน้นการเตรียมผิวการขัดเป็นปัจจัยหลักแทนที่จะคุยโอ้อวดน้ำยา ว่าดีอย่างโน้น อย่างนี้ และไม่ควรเลือกร้านที่ทำถูกๆ เนื่องจากคุณอาจจะได้งานถูกตามราคาเช่นกัน ลองคิดตามดูเหมือนเราซื้อรถยนต์คันนึง ระหว่างซื้อรถยุโรปคันหละหลายล้านกับซื้อรถญี่ปุ่นคันละ 6 แสน คุณภาพย่อมต่างกันแน่นอน ไม่ว่าจะเรื่องความปลอดภัย ความแข็งแรงของรถ อัตราเร่ง รวมถึงวัสดุอุปกรณ์และความหรูหรา แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ก็เรียก รถยนต์เหมือนกัน เคลือบแก้วเคลือบเซรามิกก็เหมือนกัน ชื่อเหมือนกัน แต่ว่างานและคุณภาพไม่เหมือนกัน

จำนวนการดู 379 ครั้ง
วันที่อัพเดทล่าสุด :